วันแรก กรุงเทพ ฯ – โรงเกลือ – ปอยเปต – เสียมเรียบ – พนมบาแค็ง ( L , D ) 05.30 น. พร้อมกัน ณ จุดนัดหมายเจ้าหน้าที่ต้อนรับอำนวยความสะดวก 06.00 น. เดินทางโดยรถปรับอากาศไป อ. อรัญประเทศ จ สระแก้ว 10.30 น. อรัญประเทศ จ. สระแก้ว เจ้าหน้าที่ชายแดน ไทย – กัมพูชา รอต้อนรับ และนำผ่านพิธีการศุลกากรและตรวจคนออกนอกประเทศ ไทย เข้า กัมพูชา 12.00 น. อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร บ่าย เดินทางเข้า จังหวัด เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ตามถนนหมายเลข 6 ระยะทาง 152 กม. 16.00 น. โรงแรมที่พักมาตรฐาน …………………………………….. ไปสักการะองค์เจ๊กองค์จอมพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์และสวนสาธารณะจัดสไตล์ฝรั่งเศส 17.00 น. เขาพนมบาแค็ง ( Phnom Bakeng ) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9 สมัยพระเจ้ายโศวรมันที่ 1 สร้างด้วยหินทราย เป็นศูนย์กลางเมืองยโสธรปุระพนมบาแค็ง เป็นเทวสถานจากพื้นราบถึงยอดเขาขึ้นไป 15 ชั้น บนสุดมีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง 5 ชั้น เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ค่ำ อาหารค่ำ ณ Krua Thai Restaurant
บรรยากาศคลาสสิกจัดแต่งกลมกลืนกับธรรมชาติ
วันที่สอง บันทายสรี – กบาลเสปียล – นครธม – นครวัด ( B , L , D ) 07.00 น. อาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 08.00 น. บันทายสรี ( Banteay srey ) หรือชื่อเดิมว่า”อิศวรปุระ” ที่ปรากฏอยู่ในศิลาจารึกสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 1510 โดยคุรุยัชญวราหะเสนาบดีในรัชสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมัน ปราสาทแห่งนี้มีทับหลังที่สมบูรณ์ที่สุด สร้างขึ้นด้วยหินทรายสีชมพูเนื้อละเอียด สลักลวดลวยสวยงาม“รัตนชาติสถาปัตยกรรมแห่งศิลปะขอมโบราณ” กบาลเสปียล (Kabal Sapean) ซี่งสถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วยรูปภาพแกะสลัก ในลำธาร (แม่น้ำ) ตามตรอกซอกหินต่างๆที่กระแสน้ำไหลผ่านกว่า 11 จุด แต่ละจุดมีการจำลองสัญลักษณ์ในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู บริเวณเมืองพระนคร กบาล เสปียล เปรียบเสมือน หิมาลัยและแม่น้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ บริเวณที่มีรูปแกะสลักอันโดดเด่นที่สุด คือ กลางลำธารที่ช่างเขมรตัดหิน ให้เป็นหน้าผาขนาดเล็ก พื้นต่างระดับ ด้านล่างสลักเป็นศิวลึงค์เข้าแถวเรียงกัน เต็มพื้นที่ มีสะพานหินขนาดใหญ่ ตั้งขวางลำธารอยู่ ซึ่งเป็นที่มาของคำว่าหัวสะพาน หรือ กบาลเสปียล นั่นเอง ที่มีรูปแกะสลักพระนารายบรรทมสินธุ์ มีพระลักษมีเคียงข้าง และรูปพระอุมามเหศวร ประกอบด้วย เครื่องสูงเกียรติยศ มีภาพพระฤาษีกำลังถวายของ 12.00 น. อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 13.00 น. เมืองนครธมรอยยิ้มบายน ( Angkor Thom ) เมืองยโศธรปุระเป็นเมืองหลวงขอม พ.ศ. 1450 – 1800 สร้างในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นเมืองใหญ่ เรียกรวมว่า นครธม ก่อนเดินทางเข้ามืองนครธม ชมคูเมือง กำแพงเมือง โคปุระหรือประตูทางเข้าซึ่งมีรูปหินแกะสลัก รูปเทวดาอสูรฝั่งละ 54 องค์(ตน) รวม 2 ข้างเป็น 108 องค์ (ตน) ซึ่งเขมรถือว่าเป็นเลขมงคล บายน (Bayon ) สร้างปีค.ศ.1200รัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โดยการนำหินมาวางซ้อนเป็น รูปหน้าคนยิ้ม เชื่อว่าเป็นพระพักตร์พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 21 หน้า 54 ปรางค์ รอยยิ้มแบบบายน สื่อความหมายถึง พรหมวิหารสี่ คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นครวัด ( Angkor Wat ) สร้างศตวรรษที่ 12 ( พ.ศ.1650 – 1658 ) สมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 สร้างถวายพระวิษณุโลกโดยมีจุดประสงค์เพื่อเป็นเทวาลัย และสุสานเก็บพระศพทุกพระองค์ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานที่สุดเกือบ 37 ปี ชมภาพแกะสลักการเดินทัพพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ริ้วธงกระบวนทัพอันเกรียงไกร และกองทัพสยามหรือเสียมกุก ภาพสลักกวนเกษียรสมุทร ระหว่างตำนานยักษ์และเทวดา การกำเนิดน้ำอมฤกต และราหู นางอัปสรา ฯลฯ และ ภาพจำหลักของนางอัปสรามากกว่า 1,635 นาง อัปสรานุ่งสั้น อัปสราลิ้นสองแฉก และศิลปะอัปสรายุคนครวัด
ค่ำ อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร ชมโชว์อัปสรานาฎศิลป์เขมรโบราณ
วันที่สาม พระขรรค์ – นาคพัน – ตาพรหม – แปรูป – แม่บุญตะวันออก ( B , L , D ) 07.00 น. อาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 08.00 น. พระขรรค์ ( Preah khun ) สร้างในรัชสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ตามลัทธิศาสนาพุทธ จุดประสงค์ของการสร้างพระขรรค์เพื่อถวายเป็น พระราชกุศลแด่พระราชบิดาองค์ปราสาทใหญ่เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 700 x 200 เมตร มีคำจารึกสั้นๆ ทำให้ปราสาทมีลักษณะเป็นวัด ที่พึงระลึกถึงเหมือนป่าช้าโบราณมีเสาหิน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงเคยได้รับชัยชนะในสงคราม และปราสาทแห่งนี้ ยังเคยใช้เป็นที่ประทับชั่วคราวในระหว่างการก่อสร้างเมืองหลวงที่ถูกทำลายไป นาคพัน ( Neah pean ) ปราสาทแห่งนี้เป็นปราสาทที่แสดงให้เห็นถึงการชลประทานในสมัยก่อนเป็นปราสาทที่มีลักษณะแปลกแต่จัดเป็น สัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมที่ สมบูรณ์ที่สุดเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงสระอโนดาตถือว่าเป็นทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์ในพุทธศาสนา ซึ่งในสมัยพุทธกาลเชื่อกันว่าน้ำจากสระอโนดาตเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์สามารถรักษาโรคให้หายได้พระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ และพระอริยบุคคล ผู้คนทั่วไปต่างเคยมาสรงน้ำ จากสระอโนดาต น้ำพุจะไหลผ่านท่อน้ำที่ทำเป็นรูปสิงห์ ช้าง ม้า วัว แต่ที่ปราสาทแห่งนี้ น้ำพุจะไหลผ่านท่อที่ทำเป็นรูปของมนุษย์แทนวัว ตาพรหม ( Ta Prohm ) สร้าง ค.ศ.1186 สมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่อถวายพระราชมารดา ชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างซับซ้อนประดุจเขาวงกต ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติเหนือพลังมนุษย์ ต้นสะปงขนาดยักษ์กับรากไม้มหึมาที่โอบรัดรอบปราสาทไว้อย่างอัศจรรย์ 12.00 น. อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 13.30 น. แปรรูป ( Prerup) สร้างโดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่พระราชมารดา ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่มาก ชมลายปูนปั้นของปราสาทที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ และชมทับหลังที่ยังแกะสลักไม่เสร็จ และที่แห่งนี้ยังเป็นที่เผาพระบรมศพของพระเจ้าราเชนทรวรมัน เชิงตะกอนแห่งนี้มีลักษณะเหมือนเตียงสมัยใหม่ ซึ่งที่เผาพระศพนี้มีเครื่องปิดข้างบน เจาะอุโมงค์ลงไปด้านล่างเพื่อให้ควันไฟขึ้น ทำปล่องอยู่ข้างใต้ ซึ่งเชื่อมจากด้านล่างของเชิงตะกอนต่อท่อขึ้นไปยังปราสาทอีกสองข้างทั้งด้านเหนือและด้านใต้ ให้ผ่านไม้จันทน์หอมเพื่อป้องกันไม่ให้มีกลิ่นเหม็นในการเผาพระศพ แม่บุญตะวันออก ( East mebon) สร้างในสมัยพระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 ในศาสนาฮินดูไศวนิกายก่อนการก่อสร้างปราสาทแห่งนี้พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 จุดประสงค์เพื่อให้มีน้ำใช้กันทั้งเมือง ต่อมาภายหลัง พระเจ้าราเชนทรวรมันที่ 2 จึงสร้างปราสาทแม่บุญตะวันออกขึ้นกลางบารายเปรียบประหนึ่งวิหารอยู่บนยอดเขามีความสูงทั้ง 3 ชั้นจากพื้นถึงยอดปรางค์รวม 28 เมตร ปัจจุบันบารายที่ล้อมรอบไม่มีน้ำแล้ว
18.00 น. อาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
วันที่สี่ วิมานเอกราช – วัดอัฐิทะมอซาน – ตลาดปซาจ๊ะ – ปอยเปต – กรุงเทพ ฯ ( B , L ) 07.00 น. อาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก 08.00 น. อนุสาวรีย์วิมานเอกราช และ วัดอัฐิทะมอซาน ( Wat Mai ) ซากโครงกระดูกชาวเขมรที่เสียชีวิตในสมัยที่การสู้รบกับเขมรแดงในยุคของพอลพต ตั้งแต่ปีพ.ศ.2518 – 2522 เป็นอนุสรณ์สถานความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ตลาดปซาจ๊ะ หรือ ตลาดต้นโพธิ์ หาซื้อของฝากและของที่ระลึก เช่น หินแกะสลัก , อัญมณี , เครื่องเงิน , ผ้ากอมม้า และ ปลากรอบ ของขึ้นชื่อของเขมร 12.00 น. อาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 15.00 น. ปอยเปต ผ่านด่านพิธีการตรวจคนออกนอกเมืองกัมพูชาเข้าประเทศไทย แวะช้อปปิ้งที่ ตลาดโรงเกลือ สินค้าปลอดภาษี เสื้อผ้ามากมาย มือหนึ่ง มือสอง เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าจากจีน เวียดนาม ไทย ลาว และประเทศอื่น ๆ 16.00 น. กลับกรุงเทพมหานครโดยรถปรับอากาศ
20.00 น . ถึงกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจไม่รู้ลืม