วันแรก กรุงเทพ – พนมเปญ – พระราชวังเขมรินทร์ – พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ – เสียมเรียบ 05.00 พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารต่างประเทศขาออก อาคาร 1 โปรดนำกระเป๋าเดินทางผ่านเครื่อง x-ray ก่อนนำไปที่เคาน์เตอร์ 07.00 ออกเดินทางโดยสายการบินไทยแอร์ เอเซียเที่ยวบินที่ FD 3612 บินตรงสู่เมืองกรุงพนมเปญ…… 08.10 ถึงสนามบินโปเชนตง กรุงพนมเปญ รถปรับอากาศและมัคคุเทศก์ท้องถิ่นรอต้อนรับและนำท่านเดินทางเข้าสู่ใจกลางกรุงพนมเปญ ชื่นชมบรรยากาศของเมืองหลวงของประเทศกัมพูชา ที่ครั้งหนึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่งดงามที่สุดในเอเซียอาคเนย์ ก่อนที่จะตกเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศสและถูกทำลายโดยสงครามกลางเมืองในเวลาต่อมา นำชมพระบรมมหาราชวัง และวัดพระแก้ว ซึ่งชาวเขมรเรียกวัดเจดีย์เงิน เพื่อนมัสการพระแก้วมรกตของเขมรสร้างขึ้นเลียนแบบพระแก้วมรกตของไทยแต่ของเขมรเป็นแก้วหล่อ และที่น่าทึ่งมากคือพื้นภายในพระอุโบสถปูลาดด้วยกระเบื้องที่ทำจากแผ่นเงินแท้ๆกว่า 5,000 แผ่น มีน้ำหนักรวมกันถึง 5 ตัน ซึ่งครั้งหนึ่งในพระอุโบสถวัดพระแก้วก็เคยปูด้วยแผ่นกระเบื้องเงินแท้นี้เช่นเดียวกัน แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 เกิดความนิยมใช้หินอ่อนจากเมืองคาราร่า ประเทศอิตาลีปูพื้นดังนั้น รัชกาลที่ 5 จึงโปรดให้รื้อพื้นกระเบื้องเงินออก และปูด้วยหินอ่อนถวายเป็นพุทธบูชาแทนดังปรากฏอยู่จนทุกวันนี้ ในพระอุโบสถวัดพระแก้วกรุงพนมเปญยังมีพระพุทธรูปทองคำประดับอัญมณีล้ำค่าจัดแสดงอยู่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งแท่นที่ประทับ พระเสลี่ยงคานหามของกษัตริย์เขมร รวมทั้งเครื่องราชูปโภค(เครื่องใช้ส่วนตัว)ของพระมหากษัตริย์ และพระราชวงศ์ซึ่งเป็นทองคำ เงิน นาค ที่มีค่ายิ่งทั้งสิ้น จากนั้นชมมณฑปพระพุทธบาท ชมอนุสาวรีย์ของพระราชบิดาของเจ้าสีหนุชมจิตรกรรมเรื่องรามเกียรติ์ที่พระระเบียงรอบพระอุโบสถและที่สำคัญอีกสิ่งหนึ่ง คือชมวัวหมอบขนาดเท่าจริง ซึ่งเป็นโบราณวัตถุที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดของวัดนี้มีอายุมากกว่า1,000 ปี นำชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกัมพูชา ซึ่งท่านจะประทับใจตั้งแต่ตัวอาคารด้านนอกและจะยิ่งตื่นตะลึงกับความงามของศิลปวัตถุล้ำค่า โดยเฉพาะเทวรูปศิลาแกะสลักขนาดใหญ่ที่งดงามราวเทพองค์มาประทับยืนอยู่เบื้องหน้าเรา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวของเขมรที่รวบรวมโบราณวัตถุทั้งที่เป็นหิน สำริด ไม้แกะสลักต่างๆไว้มากที่สุด ท่านจะได้ชมรูปพระนารายณ์บรรทมสินธ์สำริดที่มีขนาดใหญ่กว่าคนถึง 2 เท่าครึ่งซึ่งจูตากวน นักเดินทางชาวจีนเมื่อเกือบพันปีที่แล้วบันทึกไว้ว่ามีน้ำพุไหลมาจากสะดือของพระองค์ด้วยและชาวเขมรโบราณถือเป็นน้ำมนต์ นอกจากนั้นยังมีพระราชยานคานหามที่รัชกาลที่ 4 พระราชทานให้กษัตริย์เขมรมาด้วย เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารโสริยา (อาหารจีน) หลังอาหารออกเดินทางสู่เสียมเรียบโดยรถโค้ชปรับอากาศ ด้วยระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร ใช้เวลาโดยประมาณ 4 ชั่วโมง เดินทางถึงเมืองเสียมเรียบ นำท่านไปรับประทานอาหารค่ำ 19.00 น รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารเชียงใหม่ไทยฟู้ด (อาหารไทย)
นำท่านเช็คอินเข้าที่พัก ที่โรงแรม Monica Angkor Hotel ระดับ 3 ดาว
วันที่สอง ปราสาทบันทายสรี – ตาพรม – นครธม – ปราสาทนครวัด เช้า อาหารเช้าในโรงแรมที่พัก / จัดเก็บสัมภาระเพื่ออำลาที่พัก 08.00 น. ปราสาทบันทายสรี(Banteay Srei) ปราสาทหลัง เล็กสร้างบนฐานราบ สร้างด้วยหินทรายสีชมพูซึ่งเป็นหินทรายที่มีคุณภาพดีที่สุด มีความแข็งแกร่งและทนทานอย่างเยี่ยมยอด จึงทำให้ภาพแกะสลักยังคงสภาพที่สมบูรณ์ ทั้งที่มีอายุนานนับพันกว่าปีแล้ว การแกะสลักภาพเป็นแบบนูนต่ำบอกเล่า เรื่องราวเกี่ยวกับรามเกียรติ์และตำนานมหาภารตะแห่งอินเดีย ท่านจะได้รับฟังการบรรยายเรื่องราวต่างๆจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น สวยงามและน่าสนใจอย่างไรเราไปดูกัน……… นำท่านเดินทางไปชม ปราสาทตาพรหม สร้างในปี พ.ศ.1729 โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เพื่ออุทิศถวายแด่พระราชมารดาเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นตามความเชื่อในพุทธศาสนา ซุ้มประตูทุกทิศจะถูกแกะสลักเป็นพระพักต์ของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวร หันไปทั้ง 4 ทิศ ปราสาทหลังนี้มีสภาพรกร้างเพราะไม่ได้ถูกบูรณะให้อยู่ในสภาพที่ดีเหมือนปราสาทหลังอื่นๆ เนื่องจากทางการท่องเที่ยวต้องการคงสภาพบรรยากาศแบบนี้ไว้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวทราบว่าปราสาททุกหลังที่ค้นพบล้วนมีสภาพแบบเดียวกันกับปราสาทหลังนี้ ตื่นตาตื่นใจกับรากไม้ขนาดมหึมาที่ขึ้นปกคลุมหลังคาปราสาทหลายแห่ง ซึ่งเป็นจุดสนใจที่นักท่องเที่ยวใฝ่ฝันอยากจะมาถ่ายภาพเก็บไว้ * กรุณาเดินตามกันเป็นหมู่คณะ เพราะเส้นทางเดินเที่ยวสลับซับซ้อน ท่านอาจพลัดหลงได้. 12.00 น เดินทางถึงเสียมเรียบ รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารสวัสดี (อาหารไทย) เที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์เมืองนครธม แวะถ่ายรูปกับประตูเข้าเมืองที่งดงามแปลกตา ประดับประดาด้วยหินแกะสลักรูปเทวดาและยักษ์กำลังยุดตัวนาคซึ่งจำลองเรื่องราวมาจากการกวนเกษียรสมุทร ซุ้มประตูที่แกะสลักเป็นพระพักต์ของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวรหันหน้าออกไปทั้ง 4 ทิศ นั่งรถเข้าเมืองไปชม ปราสาทบายน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอังกอร์ธมหรือนครธม เป็นสุดยอดสถาปัตยกรรมที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในยุคสุดท้ายของอารยะธรรมขอม สร้างด้วยหินทรายสีขาวในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่และเรืองอำนาจที่สุด ปราสาทแห่งนี้แตกต่างจากปราสาทหลังอื่นโดยสิ้นเชิง เพราะยอดปรางค์ปราสาทแกะสลักเป็นพระพักต์ของพระโพธิสัตว์อวโรกิเตศวรหันหน้าออกไปทั้ง 4 ทิศ มีจำนวนทั้งหมด 45 ปรางค์ รวมกันมีจำนวนทั้งหมด 216 หน้า ชมภาพแกะสลักบนผนังกำแพง บอกเล่าเรื่องราวของเหตุบ้านการเมืองในสมัยนั้น เช่น การสู้รบ การซ้อมรบ ชีวิตความเป็นอยู่ของกษัตริย์และชาววัง ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน เปรียบเสมือนท่านได้อ่านหนังสือเล่มใหญ่เล่มหนึ่งเลยทีเดียว จากนั้นเดินทางผ่านชมพลับพลา บัลลังก์ช้าง พิมานอากาศ ศาลาพระเจ้าขี้เรื้อน ปราสาทนางสิบสอง ท้องสนามหลวง และ พระคลัง หลังอาหารนำท่านชมสิ่งมหัศจรรย์ 1 ใน 7 ของโลก ปราสาทนครวัด ที่มีขนาดใหญ่มหึมา ใช้เวลาสร้างยาวนานกว่า 30 ปี ใช้แรงงานคนนับแสน ใช้แรงงานช้างลากหินนับพันเชือก หินแต่ละก้อนมีน้ำหนักกว่า 1 ตัน และต้องใช้เป็นจำนวนหลายหมื่นก้อนกว่าจะสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้ได้ สร้างขี้นในราวศตวรรษที่17 โดยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 เพื่อใช้เป็นสถานที่สักการะเทพเจ้าและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย คือลัทธิที่บูชาพระวิษณุเทพ ชมรูปแกะสลักบนผนังกำแพงล้อมรอบปราสาท เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการสูรบของชาวภารตะยุทธ การสู้รบเพื่อปกป้องดินแดนของพระเจ้าสุริยวรมันที
่ 2 ตำราเกี่ยวกับนรก โลก สวรรค์ เรื่องราวการกวนเกษียรสมุทร ภาพแกะสลักนางอัปสรา ที่เลื่องชื่อในเรื่องความสวยงามอ่อนช้อยในหลายๆอิริยาบถ ปราสาทนครวัดเป็นปราสาทหลังเดียวที่สร้างหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ด้วยเหตุผลที่สันนิษฐานได้หลายประการ ถ้าอยากรู้ตามไปดูกัน….. 17.00 น. จากนั้นเดินทางไปชมพระอาทิตย์อัสดงที่เขาพนมบาเค็ง ท่านจะเลือกเดินขึ้นด้วยเท้าหรือจะเลือกทางสะดวกสบายนั่งช้างขึ้นไปก็ได้ เราจะนั่งชมทัศนียภาพเบื้องล่างและเฝ้ารอชมตะวันที่ค่อยๆ ลับฟ้าไป (ความสวยงามของวิวดวงอาทิตย์ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ)
19.00 น. รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารโตนเลแม่โขง พร้อมชมการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมือง
วันที่สาม เสียมเรียบ – พนมเปญ – ตุลแสลง เช้า รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมที่พัก 07.30 ออกเดินทางกลับสู่กรุงพนมเปญ ตามเส้นทางเดิม 12.30 เดินทางถึงเมืองหลวงพนมเปญ นำท่านไปรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารนิวโลตัส พนมเปญ หลังอาหารนำท่านชม คุกโตลสะเล็ง ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่อ้างอิงในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Ghost Game( เกมส์ล่า ท้า ผี ) ทำให้เกิดข้อครหาว่าอาจจะเป็นการไม่เหมาะสมและยังถูกห้ามเข้าฉายในประเทศกัมพูชา ซ้ำยังถูกจำกัดระยะเวลาในการฉายในประเทศไทยอีกด้วย คุกโตลแสลงแห่งนี้เคยเป็นโรงเรียนมาก่อน ต่อมาในสมัยสงครามกลางเมือง POL POT ถูกเปลี่ยนให้มาเป็นสถานที่กักขังนักโทษผู้บริสุทธิ์ในยุคสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง ซึ่งปัจจุบันนี้ได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงร่องรอยที่เหลือจากอดีตเช่น เครื่องมือทำทรมานนักโทษ ภาพถ่ายของนักโทษก่อนถูกประหารชีวิต หัวกะโหลกมนุษย์ คราบเลือดที่ยังหลงเหลือ คุกที่แบ่งเป็นห้องเล็กๆ อีกนับร้อยห้อง ท่านจะได้ชมวีดีทัศน์บรรยายประวัติความเป็นมาเพื่อประกอบการชม…. อิสระช้อปิ้งสินค้าราคาถูกที่ตลาดกลางหรือตลาดรัสเซีย จากนั้นปล่อยให้ท่านได้ชมวิวทิวทัศน์บริเวณจุดชมวิวยอดฮิตของพนมเปญ ซึ่งเป็นบริเวณที่ แม่น้ำโขง แม่น้ำโตนเลสาป แม่น้ำป่าสัก ไหลมาบรรจบพบกันเกิดเป็นแหล่งน้ำขนาดกว้างใหญ่ ท่านสามารถนั่งรอชมพระอาทิตย์ตกได้ 19.00 รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารพันลก / เข้าที่พักโรงแรม Pacific Hotel ระดับ 3 ดาว
วันที่สี่ พนมเปญ- กรุงเทพฯ
05.30 น. รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมที่พัก / เช็คเอ้าท์ 06.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินโปเชนตง เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสายการบินแอร์เอเซีย 08.40 น. ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯโดยเที่ยวบินที่ FD3613
09.50 o. กลับถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ